Google Trends คือเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์ฟรีที่พัฒนาโดย Google เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามและวิเคราะห์ความนิยมของคำค้นหาต่างๆ บน Google Search ได้อย่างละเอียด โดยแสดงข้อมูลผ่านกราฟและตารางแบบ real-time ตามช่วงเวลาที่เลือก ทั้งแนวโน้มความสนใจ, การเปรียบเทียบคำค้นหา, ยอดนิยมในแต่ละพื้นที่ และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ในเชิงลึก
เริ่มต้นใช้งาน Google Trends ได้ง่ายๆ เพียงเข้าไปที่ https://trends.google.com/ แล้วพิมพ์คำหรือวลีที่ต้องการค้นหาลงในช่อง "อะไรเป็นที่นิยมตอนนี้" ก็จะปรากฏหน้าผลลัพธ์ที่แสดงกราฟความนิยมของคำค้นหานั้นตามช่วงเวลา โดยค่าความนิยมจะอยู่ระหว่าง 0-100 ซึ่งค่า 100 แสดงถึงช่วงเวลาที่คำค้นหานั้นได้รับความนิยมสูงสุด
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์อื่นๆ ของ Google Trends เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในมิติต่างๆ ได้แก่
การเปรียบเทียบ: ใส่คำค้นหาหลายคำ (สูงสุด 5 คำ) เพื่อเปรียบเทียบความนิยมของแต่ละคำในช่วงเวลาเดียวกัน ช่วยบอกได้ว่าคำไหนเป็นที่นิยมที่สุด
การกรองตามภูมิภาค: เลือกประเทศ ภูมิภาค หรือเมือง เพื่อดูความนิยมของคำค้นหาเฉพาะในพื้นที่นั้นๆ
หมวดหมู่: เลือกดูความนิยมของคำค้นหาตามหมวดหมู่ เช่น การท่องเที่ยว, กีฬา, สุขภาพ เป็นต้น
ประเภทการค้นหา: กรองข้อมูลตามประเภทเนื้อหาที่ค้นหา ได้แก่ การค้นหาทั่วไป, การค้นหาข่าว, การค้นหารูปภาพ, การค้นหาใน Google Shopping และการค้นหาวิดีโอใน YouTube
ช่วงเวลา: ปรับช่วงเวลาที่ต้องการดูข้อมูลได้ เช่น 7 วันล่าสุด, 30 วันล่าสุด, 90 วันล่าสุด, 12 เดือนล่าสุด, 5 ปีล่าสุด หรือกำหนดเองตามต้องการ
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: Google Trends จะแสดงคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำที่ใส่ไป รวมถึงคำค้นหาที่มีการเติบโตสูงในช่วงนั้นด้วย (Rising Queries)
นอกจากการค้นหาข้อมูลด้วยตัวเอง Google Trends ยังมีเนื้อหาอัปเดตบนหน้าแรกที่รวบรวมข้อมูลน่าสนใจ ได้แก่
ประเด็นร้อนแรงประจำวัน: อัปเดตคำค้นหายอดนิยมในแต่ละวันจากทั่วโลก
ข่าวเด่น: รวมประเด็นข่าวดังที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนั้น
Year in Search: สรุปเหตุการณ์และกระแสที่ได้รับความสนใจสูงสุดในรอบปีที่ผ่านมา
Google Trends เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์หลากหลายทั้งในด้านการตลาด, SEO, สื่อ, งานวิจัย และอื่นๆ โดยมีประโยชน์สำคัญดังนี้
ค้นหาคีย์เวิร์ดยอดนิยมเพื่อทำคอนเทนต์ให้ตรงกับสิ่งที่ผู้คนค้นหา ดูแนวโน้มคีย์เวิร์ดว่ากำลังมาแรงหรือกำลังตกกระแส เพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้อง และเปรียบเทียบคีย์เวิร์ดเพื่อเลือกใช้คำที่เหมาะสมที่สุด
ดูประเด็นหรือเทรนด์ที่กำลังได้รับความสนใจในกลุ่มเป้าหมาย วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาเพื่อเข้าใจความต้องการและความสนใจ และนำข้อมูลไปวางแผนแคมเปญการตลาดให้โดนใจและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
ดูความนิยมของคำค้นหาแยกตามประเทศ ภูมิภาค หรือเมือง และใช้ข้อมูลเพื่อทำการตลาดและโฆษณาเจาะจงพื้นที่ให้เหมาะสม
ใส่ชื่อแบรนด์เพื่อดูกราฟความนิยมและกระแสการค้นหา เปรียบเทียบแบรนด์ตัวเองกับคู่แข่งเพื่อประเมินความนิยม และค้นหาคีย์เวิร์ดที่คนใช้ค้นหาแบรนด์เพื่อปรับแผนให้ดีขึ้น
ศึกษากระแสความนิยมของสินค้าและบริการประเภทต่างๆ วิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อคิดค้นสินค้าใหม่ๆ และนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาสินค้าตามความต้องการของตลาด
ค้นหาไอเดียใหม่ๆจากคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง และผสมผสานข้อมูลเชิงลึกของ Google Trends เข้ากับข้อมูลจากแหล่งอื่นๆเพื่อวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งขึ้น
Google Trends จึงถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในโลกธุรกิจยุคใหม่ ที่ใครๆก็เข้าถึงและนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ประโยชน์ได้จริง ทั้งการปรับแผนการตลาด รวมถึงใช้ในงานวิจัยหรือต่อยอดทางความคิดใหม่ๆ เพื่อเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคและรับมือการแข่งขันที่รุนแรงในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง